จากตอนที่แล้วได้กล่าวถึงหัวข้อที่ 2 การเจ็บป่วยเพราะสภาวะจิต ในตอนนี้จะยกอีกตัวอย่างหนึ่งของผู้ที่ป่วยจากสภาวะจิตของตนเอง
มีผู้ป่วยอีกรายหนึ่งป่วยเป็นมะเร็งปากมดลูก รักษาอย่างไรก็ไม่หาย หมอให้ยาต้านมะเร็ง (chemotherapy (เคโมเธ'ระพิ) การรักษาโรคด้วยสารเคมี, เคมีบำบัด) แต่อาการเธอไม่ดีขึ้น เตรียมทำพินัยกรรมแล้ว นี่ก็มีปัญหาทางจิตเหมือนกัน ก็คือเป็นคนที่ดูถูกสามี คือ จะรู้สึกว่าสามีเป็นคนที่ไม่เก่ง คนอื่นจะเก่งกว่า เธอจึงเปลี่ยนสามีมาเรื่อย สามีคนล่าสุดมียศเป็นพันตำรวจโท เธอยังว่ากระจอก ไม่เอาไหน ตัวเองเป็นผู้หญิงเก่งมาเจอสังคมที่มีแต่คนเก่ง จึงดูถูกสามี
ความรู้สึกดูถูกสามี ก็เลยทำให้ตัวเองป่วยเป็นโรคมะเร็งปากมดลูก บางคนบอกหญิงชายสิทธิเท่าเทียมกัน คำว่าสามีคือผู้ที่เป็นใหญ่กว่า ถึงอย่างไรก็เป็นสมมุติ สัจจะสมมุติให้ใหญ่กว่า กรณีนี้ก็เหมือนกัน หลังจากให้ไปขอขมาสามี และให้ฝึกสมถะก็เอาไม่อยู่ ต้องฝึกวิปัสสนาเดินจงกรม ทำวิปัสสนาด้วยแล้วไปขอขมา หลังจากนั้นก็หายป่วยจากมะเร็งปากมดลูก
ยกตัวอย่างของเรื่องป่วยทางจิต ต้องเยียวยาทางจิต มีคนไข้บางราย สมัยเด็กๆ พ่อของอาจารญ์สุทธิวัสส์ คำภา จะสอนให้เยียวยาผู้ป่วยทางจิตบางประเภท คือ ผู้ป่วยจะปวดเมื่อยเนื้อตัว แล้วลูกสาวเขาจะรู้สึกตัวตลอดเวลาว่าเขาโดนคุณไสยด้วย จิตมีความรู้สึกอย่างนั้น เวลามาหาหมอ คือ ลูกชายเกิดในตระกูลที่เป็นหมอ พ่อจะสอนวิธีรักษาคือเราจะเตรียมไข่ไก่ไว้ ลักษณะคือเอาไข่ไก่ไปแช่ในน้ำส้มสายชู ให้เปลือกมันนิ่มแล้วแกะเปลือกออก แล้วเอาเส้นผมบ้าง เอาตะปูบ้างมาใส่ไว้ แล้วแต่ว่าเวอร์ชั่นไหน แล้วเอาเปลือกไข่ปิดไว้อย่างเดิม พอแห้งก็จะดูไม่ออก
คนไข้โรคจิตเหล่านี้ เราจะให้เขาเอาไข่มาเอง เวลารักษาก็ให้หลับตาภาวนา เราก็จะเปลี่ยนไข่โดยจะดูสภาวะจิต ว่าคนนี้เข้าใจว่าโดนคุณไสยจากตะปู ปวดแสบปวดร้อน ก็จะเลือกไข่ที่มีตะปู บางคนต้องเลือกไข่จากเส้นผม จะเอาไข่มาคลึงทั่วร่างกาย แล้วก็แอบเปลี่ยนไข่ พอตอกออกมาไข่มีตะปู อาการปวดเธอก็หายไป อันนี้ไม่ใช่เรื่องหลอกหลวง คนที่ป่วยด้วยสภาวะจิตอย่างนี้ก็ต้องใช้วิธีนี้ มีประโชน์สำหรับคนบางประเภท
แต่คนเอามาใช้ผิดประเภท เลยกลายเป็นว่าต้มตุ๋นหลอกลวงไป คือ คนบางคนต้องหลอกถึงจะหายป่วย ไม่หลอกไม่หาย เป็นคนไข้ที่ป่วยทางจิต
.....โปรดติดตามต่อตอนที่ 4 (ตอนจบ).....
มีผู้ป่วยอีกรายหนึ่งป่วยเป็นมะเร็งปากมดลูก รักษาอย่างไรก็ไม่หาย หมอให้ยาต้านมะเร็ง (chemotherapy (เคโมเธ'ระพิ) การรักษาโรคด้วยสารเคมี, เคมีบำบัด) แต่อาการเธอไม่ดีขึ้น เตรียมทำพินัยกรรมแล้ว นี่ก็มีปัญหาทางจิตเหมือนกัน ก็คือเป็นคนที่ดูถูกสามี คือ จะรู้สึกว่าสามีเป็นคนที่ไม่เก่ง คนอื่นจะเก่งกว่า เธอจึงเปลี่ยนสามีมาเรื่อย สามีคนล่าสุดมียศเป็นพันตำรวจโท เธอยังว่ากระจอก ไม่เอาไหน ตัวเองเป็นผู้หญิงเก่งมาเจอสังคมที่มีแต่คนเก่ง จึงดูถูกสามี
ความรู้สึกดูถูกสามี ก็เลยทำให้ตัวเองป่วยเป็นโรคมะเร็งปากมดลูก บางคนบอกหญิงชายสิทธิเท่าเทียมกัน คำว่าสามีคือผู้ที่เป็นใหญ่กว่า ถึงอย่างไรก็เป็นสมมุติ สัจจะสมมุติให้ใหญ่กว่า กรณีนี้ก็เหมือนกัน หลังจากให้ไปขอขมาสามี และให้ฝึกสมถะก็เอาไม่อยู่ ต้องฝึกวิปัสสนาเดินจงกรม ทำวิปัสสนาด้วยแล้วไปขอขมา หลังจากนั้นก็หายป่วยจากมะเร็งปากมดลูก
ยกตัวอย่างของเรื่องป่วยทางจิต ต้องเยียวยาทางจิต มีคนไข้บางราย สมัยเด็กๆ พ่อของอาจารญ์สุทธิวัสส์ คำภา จะสอนให้เยียวยาผู้ป่วยทางจิตบางประเภท คือ ผู้ป่วยจะปวดเมื่อยเนื้อตัว แล้วลูกสาวเขาจะรู้สึกตัวตลอดเวลาว่าเขาโดนคุณไสยด้วย จิตมีความรู้สึกอย่างนั้น เวลามาหาหมอ คือ ลูกชายเกิดในตระกูลที่เป็นหมอ พ่อจะสอนวิธีรักษาคือเราจะเตรียมไข่ไก่ไว้ ลักษณะคือเอาไข่ไก่ไปแช่ในน้ำส้มสายชู ให้เปลือกมันนิ่มแล้วแกะเปลือกออก แล้วเอาเส้นผมบ้าง เอาตะปูบ้างมาใส่ไว้ แล้วแต่ว่าเวอร์ชั่นไหน แล้วเอาเปลือกไข่ปิดไว้อย่างเดิม พอแห้งก็จะดูไม่ออก
คนไข้โรคจิตเหล่านี้ เราจะให้เขาเอาไข่มาเอง เวลารักษาก็ให้หลับตาภาวนา เราก็จะเปลี่ยนไข่โดยจะดูสภาวะจิต ว่าคนนี้เข้าใจว่าโดนคุณไสยจากตะปู ปวดแสบปวดร้อน ก็จะเลือกไข่ที่มีตะปู บางคนต้องเลือกไข่จากเส้นผม จะเอาไข่มาคลึงทั่วร่างกาย แล้วก็แอบเปลี่ยนไข่ พอตอกออกมาไข่มีตะปู อาการปวดเธอก็หายไป อันนี้ไม่ใช่เรื่องหลอกหลวง คนที่ป่วยด้วยสภาวะจิตอย่างนี้ก็ต้องใช้วิธีนี้ มีประโชน์สำหรับคนบางประเภท
แต่คนเอามาใช้ผิดประเภท เลยกลายเป็นว่าต้มตุ๋นหลอกลวงไป คือ คนบางคนต้องหลอกถึงจะหายป่วย ไม่หลอกไม่หาย เป็นคนไข้ที่ป่วยทางจิต
.....โปรดติดตามต่อตอนที่ 4 (ตอนจบ).....
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น